วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ล้อมรั้วน้องสาว ฉีดวัคซีนกันไวรัสเอชพีวี


อวัยวะเพศ แม้เป็นส่วนสงวนที่ต้องปกปิดให้ลับตาก็จริง แต่เรื่องลับๆ นี้ ใช่ว่าจะต้องปิดถึงขั้นไม่พบแพทย์เพื่อตรวจภายใน หรือมองข้ามการป้องกันสุขภาพทางเพศไปเลย เพราะจากการพูดคุยกับ แพทย์หญิงเพชรรัตน์ ปิตะหงษ์นันท์ สูตินรีแพทย์โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ บอกว่า...
“มะเร็งปากมดลูก” เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดของมะเร็งในผู้หญิงไทย ในแต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ในประเทศไทยประมาณ 10,000 คนต่อปี หรือวันละ 27 ราย และเกือบครึ่งหนึ่งต้องเสียชีวิตลง นอกจากนี้ยังสามารถประมาณการว่า ในทุกๆ 2 นาที มีผู้หญิงทั่วโลกเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก 1 คน 
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกมาจากการติดเชื้อฮิวแมนแพปปิลโลมาไวรัส (HPV: Human Papilloma Virus) หรือเรียกสั้นๆ ว่า เอชพีวี โดยตัวไวรัสเอชพีวีไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกโดยตรง แต่ไวรัสนี้จะเข้าไปเกาะตามเซลล์ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ มักใช้เวลาราว 10-20 ปี จึงกลายเป็นมะเร็ง
ไวรัสเอชพีวี มีกว่าร้อยชนิด และพบได้โดยทั่วไป แฝงอยู่ตามสิ่งแวดล้อมรอบตัวเหมือนไวรัสชนิดอื่นๆ แค่เพียงสัมผัสถูก ไวรัสก็สามารถติดมากับผิวหนัง ถ้ามีแผลหรือรอยถลอกก็จะเข้าไปภายในร่างกาย แต่ส่วนใหญ่ภูมิคุ้มกันร่างกายจะกำจัดไปได้ ส่วนที่จัดการไม่ได้ก็จะสร้างปัญหาตามมา
สำหรับไวรัสเอชพีวีนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ชนิดที่ก่อมะเร็ง และชนิดที่ไม่ก่อมะเร็ง สำหรับชนิดที่ก่อมะเร็ง สายพันธุ์หลัก คือ เอชพีวี ชนิด 16 และ 18 ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกถึงร้อยละ 70 และยังก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้แก่ มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งอวัยวะเพศชาย มะเร็งทวารหนัก ส่วนอีกกลุ่มคือชนิดที่ไม่ก่อมะเร็ง สายพันธุ์หลักคือ เอชพีวี ชนิด 6 และ 11 ทำให้เกิดโรคหูดของอวัยวะเพศ หรือหูดหงอนไก่ ถึงร้อยละ 90
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดไวรัสชนิดนี้ พญ.เพชรรัตน์ บอกว่า ติดได้ง่ายมากๆ ถุงยางอนามัยก็ไม่สามารถป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเอชพีวีแพร่และติดเชื้อได้เพียงการสัมผัส ซ้ำร้ายหากมีเซ็กซ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีบุตรหลายคน และสูบบุหรี่ โอกาสติดเชื้อไวรัสนี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
แนวทางการป้องกันนั้น มี 2 ทาง เริ่มจากการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวีก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ช่วยป้องกันได้ร้อยละ 70-80 แต่ก็มิได้หมายความว่าผู้หญิงที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้วจะรับวัคซีนป้องกันเอชพีวีไม่ได้ เพราะวัคซีนยังคงมีประโยชน์อยู่ เนื่องจากวัคซีนจะสามารถป้องกันไวรัสเอชพีวีในสายพันธ์ที่ไม่เคยติดมาก่อน แถมยังสามารถฉีดให้ผู้ชายได้ เพื่อป้องกันโรคมะเร็งอวัยวะเพศชาย มะเร็งทวารหนัก และโรคหูดหงอนไก่
การฉีดวัคซีนนี้ทำได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี  ฉีดเข้าที่ต้นแขนลงในระดับกล้ามเนื้อ ดังนั้น ผู้ที่กินยาละลายลิ่มเลือดต้องหยุดยาก่อนมาฉีด เพื่อป้องกันเลือดไหลไม่หยุดหรือเลือดหยุดช้า อย่างไรก็ตาม ต้องฉีดให้ครบ 3 เข็ม ภายใน 6 เดือน โดยเข็มแรกเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ส่วนเข็มที่ 2 และ 3 เป็นการกระตุ้นภูมิ
อีกแนวทางป้องกัน พญ.เพชรรัตน์ แนะนำให้สาวๆ ตรวจภายใน ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปีไปจนถึงอายุ 70 ปี หรือหยุดตรวจก่อนอายุ 70 ได้ หากผลตรวจไม่พบความเสี่ยง 3 ครั้งติดต่อกัน

การฉีดวัคซีน แม้จะเจ็บจี๊ด แต่ก็เป็นการป้องกันที่คุ้มค่า.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com
     credit  นสพ.เดลินิวส์

สวยขึ้นหลังมีเซ็กซ์


คุณผู้หญิงเคยสงสัยบ้างไหมว่า หลังการมีเพศสัมพันธ์ด้วยอารมณ์สุขสมกับคนที่รักแล้ว ตัวคุณเองจึงดูดีขึ้น หรือแม้กระทั้งฝ่ายคุณสามีเคยแปลกใจในเรื่องเดียวกันนี้บ้างหรือไม่?...
เรื่องสวยขึ้นหลังมีเซ็กซ์ เป็นความจริงที่มีเหตุผล คุณหมอไมเคิล รอยเซน จากคลีฟแลนด์ คลินิก ในรัฐโอไฮโอ แดนมะกัน บอกไว้ว่า ประการสำคัญ คือ ระหว่างมีเซ็กซ์ หลอดเลือดจะขยายตัว จึงช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตผ่านไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ดังนั้น เวลามีเซ็กซ์ ไม่ต้องแต่งหน้า เพื่อจะได้เห็นผิวหนังดูดีมีเลือดฝาดชัดเจน เนื่องจากระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี
นอกจากเซ็กซ์จะทำให้ผิวพรรณดีดูมีเลือดฝาดแล้ว การที่โลหิตไหลเวียนดีนั้นยังเป็นกลไกที่นำพาสารอาหารและออกซิเจนไปยังผิวหนัง ชะลอการเกิดริ้วรอยได้ แถมยังเสริมสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ เพราะรากผมมีเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยง เมื่อโลหิตไหลเวียนดีก็เปรียบเสมือนการบำรุงเส้นผมจากภายในสู่ภายนอก
ส่วนใบหน้าที่ได้มาซึ่งความสดใส คุณหมอรอยเซน บอกว่า คนทั่วไปใช้เวลาตั้งแต่เริ่มเมคเลิฟจนถึงตอนขึ้นสวรรค์ ราว 3-20 นาที เมื่อถึงจุดสุดยอดแล้วก็จะได้ปลดปล่อยความรู้สึกผ่อนคลายผ่านลมหายใจ ถือเป็นวิธีกำจัดความเครียดที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะฉะนั้น เมื่อไม่เครียดก็ทำให้อารมณ์ดี และส่งผลไปถึงใบหน้า
คุณหมอรอยเซน ยังบอกอีกว่า การที่ผู้หญิงมีเซ็กซ์ที่สุขสมเสมอ สามารถช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยได้ 2-8 ปี แถมช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง ลดภาวะซึมเศร้าสาเหตุของการฆ่าตัวตาย และลดปัญหาอารมณ์แปรปรวน
ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะระหว่างการมีเซ็กซ์ เต้านมของผู้หญิงจะขยายใหญ่ขึ้นอีก 25% หัวนมโด่งขึ้นอีก 1 นิ้วครึ่งด้วย
สุดท้าย คุณหมอรอยเซน บอกว่า เซ็กซ์เท่ากับการออกกำลังกาย จนบางครั้งอาจเรียกว่า เซ็กเซอร์ไซส์ (Sexercise) และส่วนที่ได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายแบบนี้ คือ หลอดเลือดหัวใจ
อยากบำรุงหลอดเลือดหัวใจด้วยวิธีเซ็กเซอร์ไซส์ อย่าลืมเลือกให้ถูกที่ถูกเวลา เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com    
credit นสพ.เดลินิวส์

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สมาธิสั้น กันอยู่หรือเปล่า? 1



พูดถึงเรื่องของสุขภาพกายกันมาก็หลายครั้ง คราวนี้เรามาเข้าสู่เรื่องราวของสุขภาพจิตกันบ้างดีกว่า แต่โรคนี้จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องของจิตใจเสียอย่างเดียว เป็นโรคที่เกิดจากระบบประสาทและสารเคมีในสมองที่ผิดแผกแตกต่างไปจากคนปกติ แถมโรคนี้ยังมาแรงในหนุ่มสาววัยทำงานที่ต้องรับงานแบบ Multi-tasking หลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งบางครั้งก็เสร็จครบสมความตั้งใจ แต่ถ้าหลายครั้งไม่มีอะไรสำเร็จเลยนี่สิ มันเกิดจากอะไร?

คุณเป็นคนหนึ่งที่ทำงานได้หลายอย่างแต่ไม่เสร็จเลยสักอย่างหรือเปล่า? หลายครั้งคุณพยายามจัดการงานอย่างมีระบบแล้วแต่ไม่สามารถทำให้เสร็จได้ จะต้องมีแรงอะไรบังคับให้คุณสนใจอย่างอื่นมากกว่า แต่ก็ไม่นานพอคุณกลับมาทำอีก ก็ทำไม่ได้จนเสร็จอีกนั่นล่ะ หากคุณมีภาวะแบบนี้อยู่ตลอดๆ ล่ะก็ ให้คุณลองอ่านดู คุณอาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรค”สมาธิสั้นในวัยทำงาน” อยู่ก็เป็นได้ค่ะ

สมาธิสั้น นั้นคืออะไร
โรคสมาธิสั้น (Attention Defecit Hyperactivity Disorders (ADHD)) เป็นความผิดปกติด้านพฤติกรรม เกิดจากการทำงานที่ไม่เหมาะสมของสมอง โดยเฉพาะสมองส่วนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสมาธิ ทำให้เกิดการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันกับระบบสั่งงานอื่นๆ ผู้ที่มีภาวะสมาธิสั้นคือผู้ที่มีความบกพร่องในเรื่องสมาธิ และการควบคุมการกระทำของตนเองในการเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งอาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

สาเหตุที่แท้จริงของภาวะสมาธิสั้นนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าอาจเป็นผลมาจากความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง อีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือพันธุกรรมที่มีผลต่อสมอง แม้ว่าจะยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าภาวะสมาธิสั้นมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมก็ตาม

โรคสมาธิสั้น นั้นเป็นได้ทุกวัย
เราอาจจะเคยได้ยินว่าโรคสมาธิสั้น เกิดในเด็กๆ ที่อยู่ไม่นิ่ง ภาวการณ์เรียนรู้ช้ากว่าเพื่อนๆ เนื่องจากมีช่วงสมาธิที่สั้นเกินกว่าที่จะจดจ่อและทำความเข้าใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ข้อเท็จจริงก็คือโรคนี้เป็นโรคที่เกิดในวัยเด็กจริงๆ ค่ะ และแน่นอนว่าคนที่มีอาการของโรคสมาธิสั้นในวัยผู้ใหญ่นั้น เกิดจากอาการสมาธิสั้นตั้งแต่วัยเด็กอย่างแน่นอน แต่จะรู้ตัวไหมนั้นก็อาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผู้ใหญ่ในวันนั้นอาจจะคิดว่าคุณเป็นแค่เด็กซนธรรมดาๆ ก็เลยปล่อยปละไป จากกงานวิจัยพบว่าครึ่งหนึ่งของเด็กสมาธิสั้นมักมีอาการอยู่ไม่นิ่ง จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอาการก็ยังคงปรากฏอยู่ถึง 30-80 %

สมาธิสั้นหรือไม่ รู้ได้อย่างไร?
แน่นอนว่าการตรวจวินิจฉัยนั้นเป็นหน้าที่ของแพทย์ค่ะ ซึ่งแพทย์จะใช้แบบวัดร่วมกับการซักประวัติ โดยมีหลักใหญ่ ๆ 3 ประการค่ะ สาวๆ ลองพิจารณาดูนะคะว่าตัวเอง เข้าข่ายเป็นโรคสมาธิสั้นหรือเปล่า?

1. ความไวของกล้ามเนื้อต่อสิ่งกระตุ้นและความวิตกกังวลภายในใจ (hyperactivity) หัวข้อเป็นทางการภาษาแพทย์มากพูดง่ายๆ อันนี้ก็ไฮเปอร์ล่ะค่ะ คือไม่สามารถผ่อนคลายและทำกิจกรรมที่อยู่กับที่ได้นานๆ เช่น การนั่งอ่านหนังสือหรือการดูโทรทัศน์ มีอาการวิตกกังวลและความรู้สึกกังวลที่มีอยู่ในใจซึ่งไม่สามารถแสดงออกมาอย่างชัดเจนได้ คือรู้สึกกังวลไปซะหมด นอยด์ (paranoid) มันไปซะทุกเรื่อง คิดมากจนเกินงาม

2. การขาดความเอาใจใส่ (inattention) เช่น การไม่สนใจผู้ร่วมสนทนา การอ่านหนังสือแต่จับใจความไม่ได้ เป็นต้น และสิ่งที่เห็นได้ชัดในชีวิตประจำวันคือ “ขี้ลืม” วางของผิดที่เสมอๆ อันนี้ตรงข้ามกับข้อแรกเลย คือเป็นสาวเฉื่อยที่ไม่ใส่ใจโลก อันนี้ก็เสี่ยงต่อการเป็นสมาธิสั้นได้นะคะ

3. ความบกพร่องทางอารมณ์ (Emotional disorder) เป็นพวกอารมณ์เสื่อม เก็บอารมณ์ไม่ได้นั่นเอง เช่น มีอารมณ์แปรปรวนต่อกันหลายชั่วโมงในหลายวัน มักจะโมโหง่ายและระเบิดออกมาบ่อยๆ อารมณ์หุนหันพลันแล่น มักตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงทันที มีพฤติกรรมต่อต้านความคิดและขาดความคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบมีความรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่พอใจอย่างไม่มีเหตุผล ขาดระเบียบวินัย ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือจัดการเรื่องเวลาได้ และไม่สามารถจดจ่อกับหน้าที่นานๆ ได้

พิจารณากันดูแล้ว คิดว่าตัวเองเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้กันบ้างหรือเปล่าคะสาวๆ หลายคนยกมือแล้วว่าตัวเองน่าจะอยู่ในอาการเหล่านี้แน่ๆ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ นี่แค่ภาคแรก เรื่องของโรคสมาธิสั้นนั้นมีรายละเอียดอีกมากมาย จริงๆแล้วคุณอาจจะไม่ได้เป็นโรคสมาธิสั้น แต่อาจจะแค่ “ขี้เกียจ” ก็เป็นได้ แล้วสองภาวะนี้ต่างกันอย่างไร รวมถึงว่าถ้าเป็นโรคสมาธิสั้นแล้ว จะส่งผลเสียอะไรกับสุขภาพทั้งกายและจิตบ้าง ที่สำคัญคือการบำบัดและรักษาโรคสมาธิสั้นนั้นทำได้หรือไม่อย่างไร คราวหน้าเรามีคำตอบในเรื่องเหล่านนี้แน่นอนค่ะ                      
credit chicministry.com

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สลัดผักผลไม้ 6 สี มีดีที่ไม่อ้วน


สลัดผักผลไม้
.
…..สาวๆ ที่กำลังมอง เมนูฟิตหุ่นสวย กันอยู่ ทางนี้เลยจ้า women.mthai ขอแนะนำ สลัดผักผลไม้ ที่คุณสาวๆ หลายคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่จะให้ดี คุณสาวๆ น่าจะเลือกรับประทาน ให้ครบสี ครบประโยชน์กันนะคะ เพราะคุณสาวๆ บางคน เลือกทานผัก ผลไม้เพียงแค่บางชนิด ทำให้ขาดวิตามินได้…อย่ามัวช้า ไปดูกันสิคะว่า ผักสีไหน ให้ประโยชน์อะไรกันบ้าง
…..แน่นอนเลยค่ะว่า ผักสีแรกที่จะแนะนำ ก็ต้องเป็นผักใบสีเขียวๆ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน อาหารประเภทอะไร เค้าก็จะเลือกใส่ลงไปผสมอยู่ด้วย แต่ถ้าหากเป็นผักสีเขียวที่ใส่อยู่ในสลัดแล้วล่ะก็ ขอแนะนำเป็นจะพวก ผักกาดหอม บร็อคโคลี่ กีวี่ อะโวคาโด แล้วก็แอปเปิ้ลเขียว ที่รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ นี่แหละค่ะ ผัก ผลไม้สีเขียว จะอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน แครทีนอยด์กลุ่มลูทีน ไธโอไซยาเนต และฟลาโวนอยด์ ที่จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณสาวๆ นั้น แข็งแรง สดใสแล้วก็ไม่อ้วนด้วนล่ะค่ะ
…..ผัก ผลไม้ที่มีสีเหลือง สดใส นอกจากจะดูน่าทานแล้ว ยังมีสารที่ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ระบบประสาท แถมยังเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของคุณสาวๆ อีกด้วย ผัก ผลไม้สีนี้ ก็มีให้เลือกทานมากมายมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ฟักทอง ข้าวโพด สับปะรด กล้วย หรือแม้กระทั่ง แคนตาลูปก็ใช้ได้นะคะ
…..สีม่วงเข้มๆ นี่แหละค่ะ ประโยชน์เหลือหลาย เพราะเจ้าผัก ผลไม้สีม่วงนี่แหละ จะอุดมไปด้วยสาร Anthocyanin ที่จะช่วยขจัดสารก่อมะเร็งให้กับคุณได้ แถมยังช่วยขยายหลอดเลือด และลดความเสี่ยง ของการเป็นโรคหัวใจด้วยค่ะ ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ไปเลือกหาซื้อมาทานกันได้เลยจ้า ผัก ผลไม้สีม่วงก็มีหลายชนิดนะคะ อย่างเช่น ลูกพรุน ลูกเกด กะหล่ำปลีสีม่วง หรือจะเป็นชมพูมะเหมี่ยวก็ดีค่ะ
…..ผัก ผลไม้สีต่อไป สีแดง แรงฤทธิ์…แน่นอนอีกแหละค่ะ สีที่คุณสาวๆ คุณน่า คุ้นตากันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น มะเขือเทศ แตงโม หัวบรีทรูท เชอร์รี่ ก็นำมาผสมใส่ ในสลัดผักของคุณสาวๆ ได้ค่ะ สารอาหารที่ได้จากผัก ผลไม้สีแดงนี้ ก็คือ Cycopene ก็จะเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ที่จะช่วยต้านอนุมูลอิสระได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
…..สีส้ม ผักผลไม้สีนี้ คุณประโยชน์ก็ได้จากสีสีนทีสดใสนี่แหละค่ะ สารเบต้าแคโรทีน ที่เราคิดว่า จะมีแค่ในผักสีเขียวอย่างเดียว ผัก ผลไม้สีส้ม ก็มีเช่นเดียวกัน ผัก ผลไม้หลักที่เห็นเป็นประจำ และทานกันอยู่บ่อยๆ อย่างแครอท มะละกอสุก ที่อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดโคเรสเตอรอล แถมยังป้องกันมะเร็งให้คุณสาวๆ อีกด้วยนะคะ
…..ผักสีขาว ใครว่าไม่สำคัญ เห็นสีจืดๆ อย่างงั้น ประโยชน์เยอะนะจ๊ะ เพราะในผัก ผลไม้สีขาวเนี่ยแหละค่ะ ที่อุดมไปด้วยสาร Pectin ที่จะช่วยปรับสมดุล และลดปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ไม่เกิดความอยากอาหารได้ดี รับลองว่า ไม่อ้วนชัวร์จ้า…
…..ผัก ผลไม้ หลากหลายสีสัน มีให้เลือกรับประทานมากมาย เลือกมาสักสีละ อย่างสองอย่าง รับรองว่า คุณสาวๆ จะได้ทั้งสีสันที่น่าทานแล้ว คุณประโยชน์ยังเพียบอีกด้วย คิดจะไดเอท อย่าลืมหันมาทานผักผลไม้กันเยอะๆ นะคะ จะได้สวยสดใส จากภายในสู่ภายนอกกันทั่วหน้าค่ะ
.
credit women.mthai.com

6 วิธี รับมือช่วงนั้นของเดือน


ปวดท้อง
………..สาว ๆ ทั้งหลายได้เห็นหัวข้อนี้แล้วคงจะตาลุกวาว อยากจะรู้วิธีกำจัดอาการต่าง ๆ ในช่วงก่อนและช่วงนั้นของเดือน เรื่องนี้ใครไม่ใช่ผู้หญิงคงไม่รู้หรอกว่า มันทรมานหัวอกลูกผู้หญิงแค่ไหน ลองมาดูกันดีกว่าว่า จะรับมือกับช่วงนั้น ของเดือนได้อย่างไร
1. จำวันนั้นของเดือนให้แม่น
ขั้นแรกต้องกากบาทไว้ในปฏิทินเลยว่า ช่วงนั้นของเดือนคือวันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ จะได้เตรียมมือได้ถูก
2. บรรเทาอาการช่วงก่อนวันนั้นของเดือน
เช่น อาการคลื่นไส้ เจ็บหน้าอก ปวดหัว ปวดหลัง ปวดท้องน้อย ครั่นเนื้อครั่นตัว ตะคริว ฯลฯ ตลอดจนรักษาปริมาณน้ำในร่างกาย ด้วยการกินอาหารที่มีวิตามินบี 6 วิตามินซี วิตามินอี แคลเซียม และแมกนีเซียม และถ้าช่วงนั้นของเดือนต้องสูญเสียเลือดมาก ต้องเพิ่มธาตุเหล็กเข้าไปด้วย
3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มกาเฟอีน
ซึ่งมีส่วนทำให้หน้าอกคัดตึง ปวดศีรษะ และอารมณ์หงุดหงิดง่าย โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก็จะช่วยทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้น
4. ฝึกโยคะ
เพราะจะช่วยลดการปวดศีรษะ ตะคริว และโรคนอนไม่หลับ ลดอาการเกร็งของแผ่นหลัง ท้องน้อย และต้นคอ หรือหมุนและนวดข้อเท้าไปรอบ ก็ช่วยลดการเป็นตะคริวได้
5. กินอาหารมื้อเล็ก ๆ แต่กินบ่อย ๆ
จะช่วยลดอาการอึดอัดช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการอ่อนเพลียของร่างกายและการปวดศีรษะ
6. กินอาหารมีเส้นใยมาก ๆ
เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียน้ำในร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกนม เนย เนื้อสัตว์ เพราะไขมันจะเป็นตัวก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดและควรกินพวกธัญพืช ผักใบเขียว และน้ำมันปลา จะช่วยป้องกันความอ่อนเล้าได้
ติดตามอ่านเนื้อหาได้จาก นิตยสาร ModernMom   credit women.mthai.com

อาหารตัวช่วย ลดปวดประจำเดือน


อาหารตัวช่วย ลดปวดประจำเดือน

อาหาร
สาวๆ หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหาปวดประจำเดือนจนทำงานทำการกันไม่ได้เลยทีเดียว ของอย่างนี้ต้องมีการเตรียมพร้อม ใครที่รู้ตัวว่าปวดทุกเดือน ประจำเดือนจะมาทีไร…อาการเตือนล่วงหน้าจะมาก่อนทุกที  หรือ นับวันประจำเดือนมาได้ตรงทุกครั้ง ก็เตรียมตัวล่วงหน้าได้ด้วยการจัดเมนูอาหารสุขภาพสำหรับตัวเองดู  ซึ่งอาหารสำหรับช่วงก่อนมีประจำเดือน คือ อาหารที่มีโอเมก้า 3 อย่างปลาทะเลน้ำลึก ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน น้ำมันปลา ฯลฯ เหล่านี้จะช่วยลดอาการอ่อนเพลียและเจ็บหน้าอกสำหรับเราๆ ได้ค่ะ  
แนะให้ลอง
- ปลาทูน่า : เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก เพราะมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ทั้งยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวอย่างโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมองและป้องกันโรคหัวใจ
ปลาน้ำจืด : ปลานิล ปลาช่อน ฯลฯ ถึงจะเป็นปลาพื้นบ้านราคาถูกแต่ก็ดูถูกกันไม่ได้นะจ๊ะ  มีโอเมก้า 3 ไม่น้อยไปกว่าปลาแซลมอนจากนอร์เวย์เลยเชียวล่ะ  ประหยัดงบได้หลายมื้อนะ
น้ำมันรำข้าว : เมื่อต้องกินอาหารประเภทผัดหรือทอด ควรเลือกแบบที่ปรุงด้วยน้ำมันรำข้าว เพราะทนความร้อน ช่วยให้ไม่เกิดสารพิษตกค้างในร่างกาย ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ และ วิตามินอี ช่วยบำรุงผิวพรรณ
ปลาซาร์ดีน : นอกจากมีโอเมก้า 3 แล้วยังมีโปรตีนที่ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ทำให้อยากกินน้อยลง
องุ่น : องุ่นม่วงมีฟอสฟอรัส กำมะถัน แคลเซียม เหล็ก วิตามินซีและบี ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี
-ดาร์คช็อกโกแลต : ดาร์คช็อกโกแลต หรือผงโกโก้มีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยลดการเกิดลิ่มเลือด และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
-ลูกพรุน : ลูกพรุนมีธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด ทั้งยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้ท้องไม่ผูก
TIPS :
การดื่มไวน์แดงวันละ 1 แก้วช่วยให้ระดับโอเมก้า 3 ในเลือดสูงขึ้น เพราะในไวน์แดงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมโอเมก้า 3 ได้ดี
ขอขอบคุณที่มา นิตยสาร lemonade   credit women.mthai.com

ท้องผูก ทำอย่างไร


ส้วม

ตามปกติเราจะถ่ายอุจจาระทุกวัน วันละ 1-3 ครั้ง หรืออาจถ่าย 2-3 วันครั้งก็ได้ แต่ถ้าหากมีอุจจาระแข็ง ถ่ายลำบาก นั่นคืออาการท้องผูกหากปล่อยให้เป็นอย่างนี้บ่อยๆ อาจมีปัญหาตามมาก็ได้ เช่นทำให้เกิดริดสีดวงทวาร ถ่ายออกเป็นเลือดสด อาการท้องผูกไม่ทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่อาจเป็นอาการแสดงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อมีอาการท้องผูก อย่าปล่อยให้เรื้อรัง ชะล่าใจว่าไม่เป็นอะไร หากมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ถ่ายเป็นเลือด น้ำหนักลด ท้องผูกนานเกินสัปดาห์ ดูแลตัวเอง 2 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์
สาเหตุของอาการท้องผูก และการป้องกัน
1.ทานผัก และผลไม้น้อยเกินไป หรือรับประทานแต่น้ำผลไม้ โดยไม่รับประทานกาก ถ้าอาการท้องผูกมาจากสาเหตุนี้ ควรหันมารับประทานฝรั่ง สับปะรด ส้ม กล้วย มะละกอ พุทรา องุ่น เป็นต้น
2.ออกกำลังกายน้อยเกินไป ควรหันมาออกกำลังกายให้มากขึ้น เช่น เดินเร็วๆ วิ่งเหยาะๆ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เลือกตามความเหมาะสม อย่างน้อยควรทำวันเว้นวัน ครั้งละประมาณ 30 นาที
3.ดื่มน้ำน้อยเกินไป เพราะไม่ชอบดื่มน้ำ ควรหัดดื่มทีละน้อย แต่ดื่มบ่อยๆ ให้ได้น้ำประมาณ 8-10 แก้ว
4.ใช้ชีวิตเร่งรีบเกินไป บางคนยุ่งตั้งแต่เช้าจนเข้านอน พอถึงเวลาถ่ายกลับอั้นไว้ เมื่อประพฤติบ่อยๆ เข้าท้องผูก ควรใส่ใจเรื่องขับถ่ายให้มากขึ้น อย่าอั้นไว้ และฝึกถ่ายให้เป็นเวลา
5.สาเหตุจากยาต่างๆ ที่เรารับประทานเป็นประจำ เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้ปวดข้อ ยาแก้ไอ ยาหวัด ยานอนหลับ ยาทางจิตประสาท ยาลดกรด ยาลดความดัน ยาเม็ดแคลเซียม ยาธาตุเหล็ก ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น ยาเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุให้ท้องผูกได้
6.ดื่ม ชา กาแฟ หรือแอลกอออล์มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายขับปัสสาวะออกมามากเกินไป จนเกิดภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มน้ำน้อยอยู่แล้ว
7.การกินยาถ่าย ควรกินยาระบายมะขามแขก หรือยาระบายแมกนีเซียมจะดีกว่า
บทความดีดีจากนิตยสารหมอชาวบ้าน  credit women.mthai.com

เทคนิค เพื่อหน้าอกสวย ไม่หย่อนยาน


หน้าอก.
…..เรื่องหน้าอกของผู้หญิงเรา เป็นเรื่องที่คุณสาวๆ ไม่ควรละเลยกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นสาวอกเล็ก อกใหญ่ ถ้าดูแลไม่ถูกวิธี รับรองเลยค่ะว่า หน้าอกสวยๆ ของคุณ ก็สามารถหย่อนยานได้เช่นกันค่ะ
…..นอกจากการสวมใส่ชุดชั้นในเพื่อให้อกสวยได้รูปแล้ว ขั้นตอนการดูแลหน้าอกก่อนนอน ก็เป็นเรื่องที่คุณสาวๆ ควรให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเช่นกันค่ะ มาดูกันสิคะว่า ก่อนนอน ผู้หญิงอย่างเราๆ จะต้องดูแลหน้าอกแบบไหนกันบ้างเอ่ย
…..icon  ทำความสะอาด ผลัดเซลล์ผิว เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เลยนะคะ คุณสาวๆ อย่าปล่อยปละละเลยเด็ดขาด อย่าคิดว่า มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้นที่เห็น ถ้าหากว่าคุณสาวๆ ไม่เริ่มต้นดูแลหน้าอกให้สะอาดอยู่สม่ำเสมอ อาจจะทำให้เกิดเชื้อรา และแบคทีเรียสะสม ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าหน้าอกไม่นวลเนียน ใครละจะอยากมอง ใช้ใยบวบขัดบริเวณเต้านมของคุณทั้งสองข้าง เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังของคุณทำงานได้ดีขึ้น ผิวพรรณจะดูเปล่งปลั่ง ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมช่วยขาวใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ วิธีขัดก็ให้เบาๆ ไม่ต้องบ่อยมากนะคะ วันเว้นวันก็พอแล้วล่ะค่ะ
…..icon  ท่านอนนั้น สำคัญไฉน เรื่องท่านอนนี้ ก็เป็นเรื่องที่สาวๆ ควรใส่ใจกันนะคะ อย่าพยายามนอนคว่ำจะดีที่สุดค่ะ เพราะการนอนคว่ำนั้น จะทำให้รูปทรงของหน้าอกคุณ เสียทรงได้ ถ้าจะให้ดีและเหมาะสมที่สุด แนะนำให้คุณสาวๆ นอนในท่าตะแคง ทั้งซ้ายและขวา จะช่วยในเรื่องของรูปทรงหน้าอกได้ในระยะยาวค่ะ
…..icon  ถอดพักซะ ชุดชั้นในทั้งหลาย สาวๆ ขา อย่ากลัวว่าจะหย่อนยานกันนะคะ การสวมใส่ชุดชั้นที่ถูกต้องนั้น แนะนำว่า ไม่ควรสวมใส่นานเกิน 12 ชั่วโมงค่ะ ปล่อยให้สองเต้าของคุณได้เป็นอิสระบ้าง ไม่จำเป็นต้องโอบรัดเข้ารูปตลอดเวลาหรอกนะคะ ถ้าไม่อยากเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมละ่ก็ ถอดซะเถอะค่ะ
…..icon  เครื่องมือสื่อสาร มิควรๆ สาวๆ หลายคน ติดนิสัยชอบเอาโทรศัพท์มือถือวางไว้บนหน้าอก เพื่อใช้เป็นนาฬิกาปลุก คุณสาวๆ ทราบมั้ยคะว่า โทรศัพท์มือถือนั้น มีคลื่นแม่เหล็กสูง ซึ่งจะส่งผลเสียกับหน้าอกของคุณได้อย่างง่ายๆ ทางที่ดี คุณสาวๆ ควรจะเอาโทรศัพท์มือถือวางไกลๆ ตัว ก่อนจะนอนหลับดีที่สุดเลยล่ะค่ะ
…..icon  นวดคลึง บริหารกล้ามเนื้อ คุณสาวๆ ต้องเพิ่มการนวดคลึง เพื่อบริหารกล้ามเนื้อเต้านม ด้วยครีมบำรุงผิว นอกจากจะช่วยให้กระชับขึ้นแล้ว ยังจะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้ผิวบริเวณเต้านม ดูเปล่งปลั่ง ไม่หย่อนคล้อย ไม่แตกลายอีกด้วยล่ะค่ะ
…..เทคนิคง่ายๆ แบบนี้ คุณสาวๆ อย่าลืมเอาไปทำตามกันดูนะคะ อกสวยได้ ไม่ยากอย่างที่คิด จะเล็กจะใหญ่ไม่สำคัญ สำคัญที่ใครจะดูแลได้ดีกว่ากันต่างหากค่ะ
.
credit women.mthai.com

เคล็ดลับ รักษาริ้วรอยใต้ดวงตา


ดวงตา.
…..สาวๆ หลายคน มักจะพบกับปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็น รอบคล้ำที่เกิดจากความเครียด การทานอาหาร การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือแม้กระทั่งริ้วรอยเหี่ยวย่น ที่อาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ แน่นอนค่ะว่า เป็นปัญหาที่สาวๆ กลุ้มอกกลุ้มใจ จนต้องหาตัวช่วย เพื่อทำให้ริ้วรอยต่างๆ นั้นหายไป แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนๆ ก็ไม่หายซักที มาลองดูกับวิธีง่ายๆ แบบนี้ กันดูสิคะ รับรองว่า นี่จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ริ้วรอยใต้ดวงตาของคุณสาวๆ หายไปได้ค่ะ
…..ก่อนอื่น คุณสาวๆ จะต้องทราบสาเหตุการเกิดริ้วรอยเหล่านั้นซะก่อนนะคะ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด การทานอาหารหรือยา พฤติกรรมการขยี้ดวงตาหรือแม้กระทั่ง กรรมพันธุ์ของคุณเองด้วยค่ะ สาเหตุเหล่านี้ จะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่า คุณควรจะใช้วิธีไหน รักษาริ้วรอยเหล่านั้นค่ะ
…..icon  การนอนหลับ ถ้าหากว่า คุณสาวๆ ไม่ทราบว่า เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ แนะนำให้คุณสาวๆ เริ่มจากวิธีใกล้ตัวมากที่สุดนั่นก็คือ การนอนหลับพักผ่อนวิธีนี้ เป็นวิธีที่ดีและเหมาะสมมากที่สุดเลยล่ะค่ะ
…..icon  การดื่มน้ำสะอาด การดื่มน้ำ สามารถช่วยทำให้ดวงตาของคุณสาวๆ สดชื่น ชุ่มฉ่ำได้ อาจจะเป็นวิธีที่เห็นผลได้ช้า แต่ถ้าหากว่า คุณสาวๆ ดื่มน้ำมากๆ และดื่มเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ รับรองเลยค่ะว่า ดวงตาของคุณสาวๆ ก็จะดูสดชื่นขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ
…..icon  โปะๆๆ สารพัดผลไม้ เลือกผลไม้หรือจะใช้แตงกวาสดๆ ฝานบางๆ แล้วโปะไปที่ดวงตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ 15-20 นาที วิธีนี้ สามารถช่วยลดริ้วรอยและรอยหมองคล้ำใต้ดวงตาได้ แถมยังช่วยทำให้ดวงตาสดชื่นได้อีกด้วยล่ะค่ะ
…..icon  เลือกทาอายครีม นอกจากนั้น การใช้อายครีมเข้าช่วย ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน ไม่ว่าคุณจะนอนดึกมากแค่ไหน ก็ไม่ควรลืมทาครีมบำรุงรอบดวงตานะคะ วิธีง่ายๆ แต่แตะแล้วเกลี่ยครีมให้ทั่ว นวดวนไล่ออกทางหางตา ทำแบบนี้เป็นประจำทุกๆ วัน เช้าและก่อนเข้านอน โดยนวดครั้งละ 10-20 วินาที การนวดด้วนนิ้วมืออุ่นๆ จะช่วยทำให้เนื้อครีมจะซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายและเร็วขึ้นค่ะ
…..icon  ใช้เลเซอร์รักษา แต่ถ้าหากว่า คุณสาวๆ ใช้วิธีการทาครีมบำรุงไม่ได้ผล ก็ยังมีอีกหนึ่งตัวช่วยนะคะ นั่นก็คือ การใช้เลเซอร์ เข้ารักษานั่นเองค่ะ วิธีนี้ ปลอดภัยและเห็นผลเร็วมากนะคะ โดยแพทย์ที่ทำการรักษานั้น จะเลือกใช้แสงเลเซอร์ ยิงเข้าสู่ชั้นผิว ทะลุลงไปใต้ผิวประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร และทำปฏิกิริยาทำลายการสร้างเม็ดสี โดยเฉพาะเม็ดสีที่เป็นสีน้ำตาล น้ำเงิน จนถึงสีดำคล้ำ จากนั้นเซลล์ใต้ผิวหนังรอบดวงตาจะสร้างเม็ดสีผิวสีปกติ ขึ้นใหม่มาทดแทนเม็ดสีผิวเดิมนั่นเองค่ะ (ขอบคุณ ที่มา นายแพทย์ยุทธนา อ่อนอนันตพงศ์ Doctor Youth Medical Laser Clinic)
.
credit women.mthai.com

เครื่องสำอาง แบบไหนเหมาะกับผิวคุณ


ผิวหน้า
  ……… เครื่องสำอาง หลากรูปแบบมีคุณสมบัติเหมาะกับสภาพผิวต่างกันไป แล้วเครื่องสำอางแบบไหนเหมาะกับผิวของคุณ
 ครีม เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง มีส่วนผสมของน้ำมันมากกว่าน้ำ (Water in oil) มีคุณสมบัติกระจายตัวบนผิวหนังและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวได้ด
 โลชั่น เหมาะสำหรับผิวธรรมดา มีส่วนผสมของน้ำมากกว่าน้ำมัน (Oil in water) จึงไม่เหนียวเหนอะหนะ ล้างออกง่าย และเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา
 เจล เหมาะกับผิวธรรมดาและผิวมัน ส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำผสมกับสารเพิ่มความเหนียวข้น เมื่อทาเจลลงบนผิวหนังน้ำจะระเหยออกไป เหลือฟิล์มของเจลติดผิวไว้ ทำให้สารบำรุงทำงานได้ดีขึ้น
 อีมัลชั่น (Emulsion) เหมาะกับทุกสภาพผิว เนื่องจากเป็นเครื่องสำอางชนิดที่มีส่วนประกอบของของเหลว เช่น แอลกอฮอล์ น้ำ ฯลฯ มาก ทำให้สามารถกระจายสารบำรุงได้อย่างทั่วถึง นิยมใช้ในเครื่องสำอางสำหรับบำรุงผิวหรือผม
………..นอกจากสภาพผิวจะเป็นปัจจัยในการเลือกผลิตภัณฑ์แล้ว อายุที่มากขึ้นก็ส่งผลให้ผิวแห้ง และขาดความชุ่มชื้นได้ ควรเลือกเครื่องสำอางที่มีความเข้มข้นมากขึ้นตามไปด้วย
อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Beauty
นิตยสาร Health & Cuisine      credit women.mthai.com

เคล็ดลับ ลดเลือน ริ้วรอยรอบดวงตา


เบบี้เฟซ.
…..เป็นเรื่องที่สาวๆ หลายคน กลัวนักกลัวหนา กับปัญหาที่เกิดจากริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สิว ฝ้า รอยด่างดำต่างๆ หรือแม้กระทั่ง ริ้วรอยเหี่ยวย่น ที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันควร แต่จะใช้วิธีไหนดีล่ะ ที่จะช่วยทำให้ใบหน้าของเรา ห่างไกลจากริ้วรอยและปัญหาผิวต่างๆ ได้ ไม่ยากค่ะ เพราะวันนี้ women.mthai จะมาแนะนำวิธีการทำ เบบี้เฟซ แบบง่าย ไม่ว่าสาวๆ คนไหน ก็สามารถทำได้ค่ะ
…..icon  รอยตีนกา วิธีการทำเบบี้เฟซ เพื่อลดเลือนริ้วรอยตีนกา ที่เกิดก่อนวัย ให้คุณสาวๆ ทำตาหยี เหมือนเวลาที่คุณอยู่กลางแดดจ้า แล้วใช้นิ้วชี้ของคุณ วางทาบลงไปที่หางตา ในบริเวณขอบตาล่าง ทั้งสองข้าง จากนั้นก็กดทิ้งเอาไว้เบาๆ 10-15 วินาที ทำแบบนี้ 10-15 ครั้ง เป็นประจำทุกๆ วัน รอยตีนกาของคุณสาวๆ ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลงได้ค่ะ
…..icon  เปลือกตาห้อยย้อย ไม่เต่งตึง วิธีนี้ จะช่วยทำให้ผิวบริเวณเปลือกตาของคุณสาวๆ เต่งตึง ริ้วรอยเหี่ยวย่นลดเลือน และช่วยให้เปลือกตากลับมากระชับขึ้น วิธีทำเบบี้เฟซที่เปลือกตาก็คือ ให้คุณสาวๆ ทำตาเบิกให้กว้างๆ เลยนะคะ จากนั้น ก็ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ดึงเปลือกตาบนขึ้น อย่างเบามือ (อ๊ะๆ คุณสาวๆ ไม่ต้องเลิกคิ้วขึ้นนะคะ) ให้มองตรงไปข้างหน้า เน้นให้ตาเปิดกว้างเข้าไว้ค่ะ แล้วดึงค้างไว้สัก 15-20 วินาที แล้วปล่อยนิ้วออก จากนั้นทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 10 ครั้ง แนะนำให้คุณสาวๆ ทำเป็นประจำเช้า-เย็น ก่อนทาครีมบำรุงนะคะ จะเห็นผลได้ชัดเจนและเร็วมากขึ้นค่ะ
…..icon  ริ้วรอยรอบดวงตา ให้คุณสาวๆ ทำใบหน้าตรงๆ แล้วเม้มริมฝีปาก จากนั้นใช้นิ้วชี้แตะไว้ที่เปลือกตา บริเวณกระบอกตาด้านปลาย กดลงเบาๆ แล้วค่อยๆ ขยับออก ไปกดบริเวณขอบกระบอกตา (เลยหางตาไปเล็กน้อย) กดเบาๆ ทิ้งไว้สัก 20 วินาที จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นปลายคิ้ว โดยให้หลับตาลงกดลงไปเบาๆ นับ 1-3 ทำแบบนี้ วนไปมาเรื่อยๆ จนครบ 20 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยทำให้ผิวรอบดวงตา กระชับขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ดูจางลงได้ค่ะ
.
credit women.mthai.com

อาหาร ๑๐ อย่างที่ไม่ควรกินมากเกินไป


อาหาร   ๑๐   อย่างที่ไม่ควรกินมากเกินไป 

         เป็นเคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีนค่ะ   ได้แก่  

๑ . ไข่เยี่ยวม้า   ถ้ากินมากและบ่อย   อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว .. การดูดซึมแคลเซี่ยมลดน้อยลง   ขาดแคลเซี่ยม   ทำให้กระดูกผุได้ 

 ๒ . ปาท่องโก๋   ใช้สารส้ม   ซึ่งมีตะกั่ว   เป้นพิษต่อเซลล์สมอง   ความจำเสื่อม   คอแห้ง   เจ็บคอ   (กำ…อันนี้กินทุกเช้าเลย สงสัยต้องเลิกกิน..งุงิ)

๓ . เนื้อสัตว์ย่าง   เกิดสารเบนโซไพริน   ก่อมะเร็ง       บาร์บีคิว

๔ . ผักดอง   เกิดการสะสมเกลือโซเดียม   หัวใจทำงานหนัก   เกิดความดันเลือดสูง   เป็นโรคหัวใจง่าย 
ผัก
๕ . ตับหมู   ๑   กก . มีคอเลสเตอรอลกว่า   ๔๐๐   มก . ถ้ามีมากและนานทำให้หลอดเลือดแข็งตัว   เสี่ยงต่อโรคหัวใจ , หลอดเลือดทางสมอง , มะเร็ง 

๖ . ผักโขม   ผักปวยเล้ง   มีกรดออกซาเลตมาก   ทำให้การขับสังกะสีและแคลเซียมออกจากร่างกายมาก   เกิดภาวะขาดแคลน 

๗ . บะหมี่สำเร็จรูป   ทำให้ขาดสารอาหาร   เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย มาม่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

๘ . เมล็ดทานตะวัน   มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว   กินมากทำให้มีการสะสมไขมันที่ตับได้  (อันนี้แม่ชอบกินมากมาย สงสัยต้องไปบอกต่อ)

๙ . เต้าหู้หมัก   เต้าหู้ยี้   การหมักมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค … และมีสารย่อยโปรตีน   ไฮโดรเจนซัลไฟล์   ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย 

๑๐ . ผงชูรส   ไม่ควรกินเกิน   ๖   กรัมต่อวัน   จะทำให้กรดกลูตามิกในเลือดสูง   ซึ่งมีผลต่อการทำงานของประจุแคลเซี่ยมและแมกนีเซียม   ทำให้ปวดหัว   ใจสั่น   คลื่นไส้   และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์ 

       ที่กล่าวมาเป็นภูมิปัญญาโบราณ   ความเชื่อที่สืบทอดกันมา   ปัจจุบันมีการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายมากขึ้น   credit women.mthai.com

10 วิธีเป็นสาวสุขภาพดี…สร้างได้ง่ายๆ


สุขภาพ ดื่มนม 

10 วิธีเป็นสาวสุขภาพดี…สร้างได้ง่ายๆ

สุขภาพของเรา เราต้องสร้างเอง วิธีต่อไปนี้คือทางด่วนสู่การมีสุขภาพดี แถมค่าผ่านทางก็ถูกแสนถูก ไม่ลองไม่ได้แล้ว

   1. ดื่มน้ำแอปเปิ้ลแบบมีกาก

          ปกติน้ำแอปเปิ้ลก็มีประโยชน์มากอยู่แล้ว แต่น้ำแอปเปิ้ลแบบมีกากจะมีประโยชน์มากขึ้นเป็นสองเท่า เพราะวิตามินบางตัวจะสลายไปตอนที่เราครั้นน้ำแอปเปิ้ลออกจากเนื้อ ถ้ากินเนื้อร่วมด้วยก็จะได้ประโยชน์แบบดับเบิ้ลไปเลย 


   2. อย่าใช้น้ำยาเช็ดกระจกในที่อับ
          เวลาจะใช้น้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาทำความสะอาดเครื่องเรือน หรือสเปรย์ปรับอากาศ ต้องเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นสารเคมีที่ระเหยออกมาอาจจะทำให้คุณและคนในบ้านเป็นหอบหืดกันยกครัว


   3. ล้างมือบ่อยๆ
          อย่าชะล่าใจว่าเมือเราก็ดูสะอาดดี เพราะเชื้อโรคมันไม่ได้เป็นแฟนฟุตบอลจะได้ใส่เสื้อทีมชาติสารพัดสีให้คุณเห็นได้ง่ายๆ ผลการวิจัยเค้าบอกว่า การล้างมือบ่อยๆ นี่ล่ะเป็นวิธีป้องกันโรคที่ดียิ่งกว่ายาขนานไหนเสียอีก สละเวลาล้างมือแค่ห้านาที วันละสองสามครั้ง สุขภาพดีก็ไม่หนีไปไหนแล้ว


   4. ดื่มนมหลังออกกำลังกาย
          นี่คือหนทางลดความอ้วนที่ง่ายที่สุดแล้ว นักวิจัยเขาบอกว่า หลังจากออกำลังหนักๆ มา ถ้าเราดื่มนมไขมันต่ำสักสองแก้ว ร่างกายก็จะมีพลังงานเผาผลาญไขมันได้มากขึ้นเป็นสองเท่า เรื่องดีๆ แบบนี้ต้องรีบกระจายข่าวค่ะ


   5. กินแตงโมไม่แช่เย็น
         แตงโมงเป็นผลไม้ที่มีไลโคปีน สารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง แต่ว่าสารนี้จะลดลงไปประมาณ 20 % ถ้าแตงโมนั้นอยู่ในอุณหภูมิเย็นๆ คนที่ชอบกินแตงโมแช่เย็นลองเปลี่ยนวิธีกินดูสิ แล้วคุณจะเห็นว่าผิวพรรณดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

   6. อยากหลับสบายพริกช่วยได้
          เพราะในพริกสดมีสารแคปซิน ซึ่งนอกจากจะทำให้เผ็ดแล้ว ยังมีฤทธิ์กล่อมประสาททำให้คนกินหลับลึกหลับสนิทได้ทั้งคืน ตื่นขึ้นมาก็จะสดชื่นมีพลังงานพร้อมที่จะเปรี้ยวกระจายได้อีกวัน


   7. ดูแลสุขภาพของแฟน
         ถ้าแฟนเราสุขภาพดี สุขภาพของเราก็จะดีตามไปด้วย นี่ไม่ใช่คำขวัญ แต่เป็นผลงานการวิจัยจากมหาวิทยาลัยระดับโลก เหตุผลก็เป็นเพราะว่าเวลาที่คนรักดูแลสุขภาพกินแต่อาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายเป็นประจำ อีกคนหนึ่งก็มักจะทำตามไปด้วย ยิ่งถ้าคนรักแอนตี้การสูบบุหรี่ อีกคนจะนั่งพ่นควันปุ๋ยๆ อยู่ก็อาจแห้วได้ โลกก็เลยต้องเสียนักสูบไปอีกคน 

 

   8. ทำความสะอาดคอมพิวเตอร์
          เพราะมีผลงานสะท้านโลกออกมาว่าแป้นคอมพิวเตอร์ของคนส่วนใหญ่มีเชื้อโรคเยอะกว่าในห้องน้ำเสียอีก พูดง่ายๆ ว่าสกปรกกว่าส้วมนั่นเอง เจอแบบนี้เราคงต้องหาแอลกอฮอล์มาหมั่นเช็ดคอมพิวเตอร์คู่ใจทุกๆ อาทิตย์แล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องทำงานกับส้วม และสุขภาพก็จะได้ปลอดภัยไปด้วย 9. ใส่ถุงน่องเป็นบางวัน
การใส่ถุงน่องไม่ถึงกับรัดจนเลือดวิ่งไม่สะดวกก็จริง แต่จะทำให้ผิวบริเวณที่ถูกรัดเช่นตรงเอว หรือต้นขาแห้งมาก มีรายงานว่าคนที่ใส่ถุงน่องทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวหนังลอกเป็นขุยได้เยอะ 


   9. ใส่ถุงน่องเป็นบางวัน
การใส่ถุงน่องไม่ถึงกับรัดจนเลือดวิ่งไม่สะดวก ก็จริง แต่จะทำให้ผิวบริเวณที่ถูกรัดเช่นตรงเอว หรือต้นขาแห้งมาก มีรายงานว่าคนที่ใส่ถุงน่องทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวหนังลอกเป็นขุยได้เยอะ

 

   10. หยุดนั่งไขว่ห้าง          เพราะการนั่งเอาขาไขว้กันจะทำให้เส้นเลือดใหญ่ถูกกดเอาไว้ เลือดก็เลยเดินไม่สะดวก ในที่สุดก็จะมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในเส้นเลือด และกลายเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน ถ้าสาวๆ นั่งท่านี้มานานจนรู้สึกว่าอะไรก็มาพรากจากกันไม่ได้ ขอแนะนำให้ลุกขึ้นมาเดินบ่อยๆ เพื่อปลดปล่อยให้เลือดที่ถูกกดไว้ไหลเวียนได้สะดวกขึ้น

ที่มา … spicy  credit women.mthai.com

วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ออกกำลังกายพิชิตออฟฟิศซินโดรม

Trainer จากAntidote ศูนย์ออกกำลังกายของ Grand Millennium Sukhumvit นำเสนอ 4 ท่าออกกำลังกายแก้โรคเฉพาะตัวของคนทำงาน
credit bangkokbiznews.com

มะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกถือว่าเป็นโรคอันดับต้นๆที่คร่าชีวิตสาวไทยถึง 14 คนต่อวัน กายใจขอนำเสนอ ความเป็นมาและการดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยงของโรคนี้
credit .bangkokbiznews.com

ท่าออกกำลังกายคลายอาการเจ็บหลัง

มาเรียนรู้และฝึกท่าบริหารร่างกายเพื่อผ่อนคลายอาการเจ็บหลังโดย Trainer จาก Antidote ศูนย์ออกกำลังกายของ Grand Millennium Sukhumvit
credit bangkokbiznews.com