วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ท้องผูก ทำอย่างไร


ส้วม

ตามปกติเราจะถ่ายอุจจาระทุกวัน วันละ 1-3 ครั้ง หรืออาจถ่าย 2-3 วันครั้งก็ได้ แต่ถ้าหากมีอุจจาระแข็ง ถ่ายลำบาก นั่นคืออาการท้องผูกหากปล่อยให้เป็นอย่างนี้บ่อยๆ อาจมีปัญหาตามมาก็ได้ เช่นทำให้เกิดริดสีดวงทวาร ถ่ายออกเป็นเลือดสด อาการท้องผูกไม่ทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่อาจเป็นอาการแสดงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อมีอาการท้องผูก อย่าปล่อยให้เรื้อรัง ชะล่าใจว่าไม่เป็นอะไร หากมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ถ่ายเป็นเลือด น้ำหนักลด ท้องผูกนานเกินสัปดาห์ ดูแลตัวเอง 2 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์
สาเหตุของอาการท้องผูก และการป้องกัน
1.ทานผัก และผลไม้น้อยเกินไป หรือรับประทานแต่น้ำผลไม้ โดยไม่รับประทานกาก ถ้าอาการท้องผูกมาจากสาเหตุนี้ ควรหันมารับประทานฝรั่ง สับปะรด ส้ม กล้วย มะละกอ พุทรา องุ่น เป็นต้น
2.ออกกำลังกายน้อยเกินไป ควรหันมาออกกำลังกายให้มากขึ้น เช่น เดินเร็วๆ วิ่งเหยาะๆ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เลือกตามความเหมาะสม อย่างน้อยควรทำวันเว้นวัน ครั้งละประมาณ 30 นาที
3.ดื่มน้ำน้อยเกินไป เพราะไม่ชอบดื่มน้ำ ควรหัดดื่มทีละน้อย แต่ดื่มบ่อยๆ ให้ได้น้ำประมาณ 8-10 แก้ว
4.ใช้ชีวิตเร่งรีบเกินไป บางคนยุ่งตั้งแต่เช้าจนเข้านอน พอถึงเวลาถ่ายกลับอั้นไว้ เมื่อประพฤติบ่อยๆ เข้าท้องผูก ควรใส่ใจเรื่องขับถ่ายให้มากขึ้น อย่าอั้นไว้ และฝึกถ่ายให้เป็นเวลา
5.สาเหตุจากยาต่างๆ ที่เรารับประทานเป็นประจำ เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้ปวดข้อ ยาแก้ไอ ยาหวัด ยานอนหลับ ยาทางจิตประสาท ยาลดกรด ยาลดความดัน ยาเม็ดแคลเซียม ยาธาตุเหล็ก ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น ยาเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุให้ท้องผูกได้
6.ดื่ม ชา กาแฟ หรือแอลกอออล์มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายขับปัสสาวะออกมามากเกินไป จนเกิดภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มน้ำน้อยอยู่แล้ว
7.การกินยาถ่าย ควรกินยาระบายมะขามแขก หรือยาระบายแมกนีเซียมจะดีกว่า
บทความดีดีจากนิตยสารหมอชาวบ้าน  credit women.mthai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น