วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ไขความเชื่อผิดๆยาคุมกำเนิด

ผศ.นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ
การคุมกำเนิด นับเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับหญิงและชายที่ยังไม่ต้องการมีบุตร ส่วนใหญ่ผู้หญิงมักเลือกวิธีทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากค่าใช้จ่ายไม่มาก หาซื้อง่าย ใช้สะดวก ทว่ายังมีความเข้าใจที่ผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดอยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการคุมกำเนิดทั้งจากออสเตรเลีย เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ และไทย จึงเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคุมกำเนิดไว้ในงานแถลงข่าว “ฮอร์โมน..การคุมกำเนิด..หลากหลายทางเลือกที่เข้าใจ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิง” ภายในงานประชุมวิชาการระดับภูมิภาค ‘MSD ASIA PACIFIC CONTRACEPTIVE SUMMIT 2012’
ผู้เชี่ยวชาญเล่าว่า ผู้หญิงที่เลือกวิธีคุมกำเนิดด้วยการกินยาคุม มักมีความเชื่อที่ผิดๆ 8 ประการ เริ่มจาก “ฮอร์โมนที่อยู่ในยาคุมกำเนิด ไม่ดีต่อร่างกาย” แต่ในความเป็นจริงคือ ฮอร์โมนที่อยู่ในยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวกับฮอร์โมนที่มีในร่างกาย ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสติน
ความเชื่อผิดๆ ข้อต่อมา “ยาเม็ดคุมกำเนิดจะทำให้เป็นหมัน หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน” จากการศึกษาไม่พบว่า ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นสาเหตุของการเป็นหมัน ผู้หญิงบางคนไม่เคยทราบว่าตนเอง หรือคู่ครองนั้น มีปัญหาเกี่ยวกับการมีบุตรยากอยู่แล้ว จนกระทั่งถึงเวลาต้องการมีบุตร มักอายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่ผู้หญิงจะมีบุตรยาก
ตามด้วยความเชื่อ “ยาเม็ดคุมกำเนิดจะทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น” เรื่องจริงจากการศึกษา ยังไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ของการทานยาเม็ดคุมกำเนิดกับการเพิ่มน้ำหนักตัวได้ ทั้งนี้ในช่วงแรก ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ออกสู่ตลาดนั้นจะมีฮอร์โมนปริมาณสูง ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า น่าจะเป็นสาเหตุของน้ำหนักตัวเพิ่ม แต่ปัจจุบัน ยาเม็ดคุมกำเนิดถูกพัฒนาจนมีปริมาณฮอร์โมนต่ำ ช่วยลดปัญหาการบวมของร่างกาย
ขณะที่ความเชื่อ “หากทานยาเม็ดคุมกำเนิด จะเกิดผลข้างเคียงกับร่างกาย เช่น คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง ปวดหัว หรือแน่นหน้าอก” ผลการพิสูจน์ คือ ผู้หญิงส่วนมากที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิด รู้สึกปกติดี ผลข้างเคียงที่เกิดกับบุคคลหนึ่ง อาจไม่เกิดกับอีกบุคคล เพราะร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน สำหรับผู้ที่มีอาการ มักจะหายไปหลังจากทานยาไปได้ระยะหนึ่ง
ยังมีความเชื่อที่ว่า “การทานยาเม็ดคุมกำเนิด จะสร้างปัญหาต่อการมีเพศสัมพันธ์ได้” ในความเป็นจริง มีการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดมีความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์ เพราะการทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นวิธีที่ปลอดภัยมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณผู้หญิงไม่ต้องกังวลเวลามีเพศสัมพันธ์
ความเชื่อ “จำเป็นต้องหยุดทานยาเม็ดคุมกำเนิดทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ” ความจริงคือ ยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นปลอดภัยสำหรับการทานต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องหยุดทาน เมื่อเริ่มทานยาเม็ดคุมกำเนิด ร่างกายจะมีการปรับตัวเพื่อให้ฮอร์โมนอยู่ในระดับคงที่ แต่หากมีการหยุดทานยา จะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง เมื่อกลับไปทานยาอีกครั้ง ร่างกายก็จะต้องปรับตัวใหม่
ความเชื่อ “ทานยาเม็ดคุมกำเนิด จะทำให้รอบเดือนมาไม่ปกติ” เรื่องจริงคือ การทานยาเม็ดคุมกำเนิด จะช่วยให้รอบเดือนมาปกติ ช่วยให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายมีระดับสม่ำเสมอ
สุดท้าย ความเชื่อที่ว่า “ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง” คำตอบคือ ยาเม็ดคุมกำเนิดสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ โดยลดอัตราเสี่ยงเกิดมะเร็งรังไข่ได้ร้อยละ 34 และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ร้อยละ 40  ลดความเสี่ยงต่อการเกิดซี้ดในรังไข่ ความผิดปกติของเชิงกราน เนื้องอกในมดลูก การสูญเสียมวลกระดูก และโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้
ข้อห้ามของการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด คือ ต้องไม่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม มะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ โรคเกี่ยวกับตับ มีปัญหาความดันโลหิต และโรคทางอายุรกรรมบางอย่าง ส่วนผู้หญิงน้ำหนักตัวมาก หรือป่วยเบาหวาน การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
อย่างไรก็ตาม ผศ.นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชวิทยาและโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สตรี ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เตือนถึงการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน หากใช้พร่ำเพรื่อจะมีผลอย่างไร ติดตามได้ในคลิปวิดีโอ.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com  
credit นสพ.เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น